Communication

Self Talk เทรนด์ใหม่ของคนทำงานที่อยากเข้าใจตัวเอง

Self Talk คือการพูดกับตัวเอง ช่วยประมวลความคิด สร้างความเข้าใจตนเอง และเพิ่มพลังใจ

March 4, 2025
·
0
mins
เกสรา นำธรรมวงศ์: ผู้เชี่ยวชาญการสื่อสารองค์กร
เกสรา นำธรรมวงศ์
CONSULT WITH US
Self Talk เทรนด์ใหม่ของคนทำงานที่อยากเข้าใจตัวเอง
Share
Consult with us
Elevate your experience with us

เพราะการคุยคนเดียวไม่ได้แปลว่าบ้า “Self Talk” เทรนด์ใหม่สุดฮิตของคนทำงาน

คุยคนเดียวไม่ได้แปลว่าบ้า นั่นก็เพราะว่าทั้งทีมดันมีเราแค่! คน!! เดียว!!! วันนี้ BASE Playhouse จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ “Self Talk” เทรนด์ยอดฮิตของเหล่าพี่สาวชาวออฟฟิศที่ต้องใช้ชีวิตแบบ Multitasking อัพสกิลการทำงานหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน หรือพูดง่าย ๆ ว่า “หนึ่งคนล้านตำแหน่ง” นั่นแหละ

การทำงานคนเดียวที่แสนวุ่นวายในแต่ละวัน อันนั้นก็ต้องทำ อันนี้ก็ต้องประชุม เดี๋ยวลืมนั่น เดี๋ยวลืมนี่ ภาระหน้าที่นับหลายสิบอย่างกำลังจะทำให้เราหัวฟู! การ Self Talk จึงกลายมาเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นและสามารถจัดแจง “ตัวเราแต่ละคน” ให้ทำงานร่วมกันในหนึ่งวันให้ออกมาเพอร์เฟกต์

“Self Talk” เทรนด์ใหม่ยอดฮิตของเหล่าวัยทำงาน

Self Talk หรือการคุยคนเดียว เป็นกระบวนการพูดหรือคิดภายในจิตใจของตนเองเพื่อสะท้อนสิ่งที่กำลังประมวลผลอยู่ ณ ขณะนั้น ซึ่งตามทฤษฎีทางจิตวิทยาบอกว่าการ Self Talk นั้นเป็น “เรื่องปกติ” มาก ๆ และสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นตอนกำลังทำงาน ตอนกินข้าว ตอนออกกำลังกาย ตอนเดินช้อปปิ้ง ตอนปลูกต้นไม้ หรือตอนกำลังนอนปล่อยใจสบาย ๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน 

การ Self Talk เปรียบเสมือนดาบสองคม เพราะการคุยคนเดียวมักเชื่อมโยงกับ “ความเป็นตัวตน” ของตัวเองและเป็นการสื่อสารกับ “สมอง” โดยตรง ซึ่งส่งผลต่อความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของมนุษย์คนนั้น ๆ เป็นอย่างมาก หากเราคุยคนเดียวเชิงบวก (Positive Self Talk) ก็จะคล้ายกับการเชียร์อัพตัวเองให้มองโลกในแง่ดีและกำลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคหรือลงมือทำในสิ่งที่ท้าทาย เช่น “ฉันทำได้แน่นอน” “ฉันจะพยายามทำให้เต็มที่” หรือ “เรื่องแค่นี้ฉันผ่านไปได้สบายมาก” ซึ่งเป็นการกล่อมเกลาให้สมองสร้างความมั่นใจและดึงพลังงานบวกภายในตัวเรามาใช้งาน ในขณะเดียวกัน หากเราคุยคนเดียวเชิงลบ (Negative Self Talk) เช่น “ฉันไม่มีทางทำได้หรอก” “ฉันยังเก่งไม่พอ” หรือ “ฉันไม่น่าจะเหมาะกับสิ่ง ๆ นี้” จะเป็นการปล่อยพลังงานลบเข้าสู่สมองและความคิดของตนเอง เมื่อพลังงานเชิงลบค่อย ๆ สะสมในสมองทีละนิดทีละหน่อย จะทำให้เกิดความรู้สึกเครียด ท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ และขาดความมั่นใจในการลงมือทำสิ่งต่าง ๆ จนกระทั่งกลายเป็นคน Self-Esteem ต่ำ

สำหรับคนวัยทำงานที่ต้องรับมือกับภาระหน้าที่มากมายมหาศาลจนงานล้นมือ การทำงานคนเดียวเพราะองค์กรขาดคน หรือกำลังเจอปัญหาที่มองไปทางไหนก็มืดแปดด้าน การ Self Talk หรือการคุยคนเดียว จะช่วยให้เราสามารถ “โฟกัสกับความคิดของตัวเอง” ได้มากขึ้นและ “รู้จุดยืน” ของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น เพราะขณะที่เราส่งเสียงพูดออกมา การประมวลผลในสมองจะค่อย ๆ ทำงานช้าลง ส่วนกระบวนการคิดไตร่ตรองอย่างมีตรรกะจะค่อย ๆ ทำงานเพิ่มมากขึ้น ขจัดสิ่งรบกวนที่ทำให้เกิดความไขว้เขว จนสามารถสรุปผลได้อย่างละเอียดรอบคอบ มีเหตุผลที่มากเพียงพอมาซัปพอร์ตการกระทำหรือการตัดสินใจ ส่งผลให้การเลือกทางเดินในชีวิตของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การ Self Talk หรือการคุยคนเดียว ยังเปลี่ยนมุมมองแบบเดิม ๆ สร้างมุมมองใหม่ ๆ และมีพลังอย่างมากในการเปลี่ยนแปลง “ทัศนคติของเราดีขึ้น” เพราะการ Self Talk เปรียบเสมือนการสะท้อนตัวตนของตัวเองผ่านกระจก ตัวเราเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอาจจะมีความคิดอย่างหนึ่ง แต่เมื่อ Self Talk วันนี้ก็อาจจะได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งที่มองข้ามผ่านไป ทำให้หลาย ๆ ครั้งหลังการ Self Talk คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทัศนคติการมองโลกของคุณกำลังเปลี่ยนไป (ในทางที่ดีขึ้นนะ!)

ขอเวลา 5 นาที “Self Talk” ทุกวันเพิ่มพลังการทำงาน

พนักงานตัวน้อย ๆ อย่างเราก็มีอยู่แค่หนึ่งสมองกับสองมือ แต่เจ้านายจะเอาอย่างนั้น เพื่อนร่วมงานจะเอาอย่างนี้ แถมลูกค้ายังโทรตามไม่หยุด แล้วแบบนี้จะไปทำงานทันได้ยังไง! สุดยอดความหัวหมุนสำหรับการทำงานคนเดียวหรือการทำงานแบบ Multitasking ที่แค่คิดภาพตามก็รู้สึกปวดหัวแทนจนไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจัดการตรงไหนก่อนดี แต่ไม่ต้องกังวลไป ให้ทุกคนสูดลมหายใจเข้าพร้อมกันแล้วนับ หนึ่ง สอง สาม! BASE Playhouse มีวิธีการ Self Talk ง่าย ๆ ใช้เวลาเพียง 5 นาทีต่อวัน ก็สามารถเริ่มวันได้อย่างสดใส 

1. กำหนดเป้าหมายในการทำงาน

เริ่มต้นวันดี ๆ ก่อนทำงานที่เรารักด้วยการ “กำหนดเป้าหมายในการทำงาน” ของแต่ละวันให้ชัดเจน จะช่วยจัดระเบียบความคิดและกำหนดทิศทางของสิ่งที่เรากำลังจะลงมือทำ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานให้กับตัวเอง เมื่อเราค่อย ๆ เคลียร์งานเสร็จทีละอย่าง จะทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังผ่านด่านในการเล่นเกมไปทีละเลเวล สร้างแรงฮึกเหิมในการทำงานที่ท้าทาย

ตัวอย่างเช่น “เป้าหมายในวันนี้ คือ ต้องทำโปรเจกต์ให้เสร็จมากกว่า 70%” หรือ “วันนี้จะตอบอีเมลลูกค้าทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อย”

2. เน้นสร้างกำลังใจ

เคยได้ยินไหมว่า “ขวาร้าย ซ้ายดี” จะก้าวเท้าไหนออกจากบ้านยังต้องคิดแล้วคิดอีก หรือจะเป็น “เสื้อสีมงคล” ตามฉบับสายมูที่แทบจะต้องรื้อตู้เสื้อผ้าหาสีที่ไม่เป็นกาลกิณี พูดง่าย ๆ ว่าทำทุกอย่างที่เขาว่าดีเสริมสร้างกำลังใจในการใช้ชีวิตนั่นแหละ การ Self Talk ก็เช่นกัน ต้องหมั่น “เน้นสร้างกำลังใจ” คำพูดเชิงบวกจะช่วยสร้างพลังงานดี ๆ เป็นแรงใจให้ฮึดสู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและมั่นใจกับสิ่งที่กำลังจะลงมือทำ

ตัวอย่างเช่น “วันนี้ฉันทำได้ดีมาก ๆ” หรือ “ฉันสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน”

3. ตั้งคำถาม

วิธีการ Self Talk สำหรับการทำงานคนเดียวข้อที่สาม คือ “การตั้งคำถาม” กับตัวเองในทุก ๆ วัน เพราะสำหรับการ Self Talk แล้ว การตั้งคำถามกับตัวเองเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ทบทวนข้อผิดพลาดในชีวิตหรือรับรู้สกิลต่าง ๆ ที่สามารถนำไปพัฒนาการทำงานตัวเองเพิ่มเติมได้ เปิดมุมมองใหม่ ๆ กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราทำความเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นอย่างใจเย็นและสามารถตัดสินใจได้รอบคอบมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น “เราอยากให้ผลลัพธ์ของโปรเจกต์นี้ออกมาในรูปแบบไหน?” หรือ “มีวิธีไหนที่เราจะทำงานได้เร็วมากขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลงบ้างนะ?” 

แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนลอง Self Talk ทั้งสามวิธีนี้แล้วยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ อยากรู้จักตัวเองมากกว่านี้จังเลย BASE Playhouse ขอนำเสนอตัวช่วยดี ๆ อย่าง Storationship การ์ดเกมเปิดใจที่เป็นได้มากกว่าการ์ดเกม เพราะสามารถเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้การ Self Talk ของคุณสนุกมากขึ้นและช่วยค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ภายใต้ห้วงแห่งความทรงจำ เพียงแค่ “เปิดการ์ดแล้วตอบคำถามด้วยความจริงใจ” ก็จะค้นพบความเป็นตัวตนใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยมองเห็นมาก่อน

 

อ้างอิงจาก

Self-Talk: เรื่องปกติที่คนเก่งเค้าทำกัน(ลับๆ), Career Assessment

คุยคนเดียวไม่ได้แปลว่าบ้า แต่ส่งผลดีต่อการทำงานและสุขภาพจิตมากกว่าที่คิด, THE STANDARD