ปัญหาไม่ได้มีไว้หนี! เจาะลึก 4 วิธีแก้ปัญหาที่ผู้นำเก่ง ๆ ใช้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
“ปัญหาไม่ได้มีไว้หลีกหนี แต่มีไว้เพื่อเรียนรู้ วิเคราะห์ นำไปพัฒนา และเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง” — นี่เป็นแนวคิดสุดเจ๋งที่ผู้นำระดับโลกยึดถือเป็นคติประจำใจในการขับเคลื่อนองค์กร

ปัญหาไม่ได้มีไว้หนี! เจาะลึก 4 วิธีแก้ปัญหาที่ผู้นำเก่ง ๆ ใช้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
“ปัญหาไม่ได้มีไว้หลีกหนี แต่มีไว้เพื่อเรียนรู้ วิเคราะห์ นำไปพัฒนา และเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง” — นี่เป็นแนวคิดสุดเจ๋งที่ผู้นำระดับโลกยึดถือเป็นคติประจำใจในการขับเคลื่อนองค์กร
ขึ้นชื่อว่าการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ ล้วนแต่ต้องพบเจอสิ่งที่เรียกว่า “ปัญหา” อย่างแน่นอน ทั้งปัญหายอดขายตก พนักงานลาออก ความขัดแย้งภายในองค์กร หรือการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอกที่กระหน่ำเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ผู้นำหลาย ๆ คนเมื่อเจอสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ มักจะเลือกวิธีแก้ปัญหาด้วยการใช้สัญชาตญาณเป็นหลักอย่างการถอยหนีและโยนปัญหาเหล่านั้นไปให้คนอื่นแก้ไขแทน โดยเผลอลืมไปว่า บทบาทหน้าที่ของการเป็นผู้นำที่แท้จริงจะไม่วิ่งหนีปัญหา แต่จะกล้าเผชิญหน้ากับความท้าทายและออกแบบวิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ พร้อมรวบรวมจิตใจที่ตั้งมั่นในการพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสเติบโตขององค์กร
ผู้นำที่เป็น Talent ขององค์กร ไม่ได้เก่งเพราะมีคำตอบให้กับคำถามทุกอย่าง แต่เป็นผู้นำที่กล้าเผชิญหน้ากับคำถามยาก ๆ ด้วยความเข้าใจลักษณะของงาน เข้าใจเพื่อนร่วมงาน เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น และเข้าใจตัวเอง รวมถึงมี Mindset ที่ดีจากการเชื่อมั่นว่า ไม่ใช่ทุกปัญหาที่ต้องจบด้วยการสูญเสีย หากเลือกวิธีแก้ปัญหาอย่างเหมาะสม
ในบทความนี้ BASE Playhouse จะพาคุณไปเจาะลึก 4 วิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ที่สุดยอดผู้นำเลือกใช้จริง พร้อมการลงมือทำอย่างมีชั้นเชิง เพื่อเปลี่ยนให้คุณเป็นผู้นำที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์โดยไม่ต้องวิ่งหนีอีกต่อไป!

ปัญหาไม่ใช่ศัตรูขององค์กร แต่เป็น “บททดสอบ” ของผู้นำ
ในยุคสมัยที่ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน ปัญหาไม่ใช่สิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เป็นสิ่งที่ (จำเป็น) ต้องหาวิธีแก้ไขปัญหา บางปัญหาอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกอย่างการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี หรือปัจจัยภายในอย่างความขัดแย้งระหว่างทีม การบริหารงานของผู้บริหารที่ไม่เป็นระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่มองอย่างไรก็ไม่สามารถหลีกหนีได้พ้น (เพราะเป็นไปไม่ได้)
หากมองปัญหาเป็น “ศัตรู” จะทำให้ผู้นำรู้สึกกดดันและวิตกกังวล จนบรรยากาศในการทำงานเริ่มตึงเครียด แต่หากผู้นำเปลี่ยนมุมมองว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็น “บททดสอบ” เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เติบโต และพัฒนาอย่างแท้จริง เพราะบททดสอบเหล่านี้เป็นโอกาสในการแสดงภาวะความเป็นผู้นำ ว่าจะสามารถวิเคราะห์ ตัดสินใจ สื่อสาร และกระตุ้นศักยภาพของสมาชิกภายในทีมออกมาได้ดีเพียงใด
นอกจากนี้ ผู้นำที่ดีต้องเลือกวิธีแก้ปัญหาในองค์กรให้เหมาะสมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและสมาชิกภายในทีม โดยต้องสามารถผลักดันให้สมาชิกภายในทีมกล้ารับมือกับปัญหา กล้าแสดงความคิดเห็นและร่วมกันหา Solution ดี ๆ ในการแก้ไขปัญหา รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงให้เห็นว่า การเรียนรู้จากความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป แต่เป็นการเปิดมุมมองใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาแผนการทำงานให้ครอบคลุมทุกมิติ ปิดรอยรั่วจากข้อผิดพลาดไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ปัญหาไม่ใช่สิ่งที่ผู้นำต้องหลบเลี่ยง แต่เป็นบทเรียนที่ทำให้เติบโตมากขึ้น รวมถึงเป็นเครื่องมือชั้นยอดที่จะช่วยทดสอบวิสัยทัศน์ ความอดทน และทักษะความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากเลือกวิธีแก้ปัญหาได้ถูกต้อง เมื่อสถานการณ์อันแสนวิกฤตผ่านพ้นไป องค์กรจะแข็งแกร่งขึ้นทั้งด้านโครงสร้างและจิตใจของพนักงานภายในองค์กร

4 วิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ที่สุดยอดผู้นำเลือกใช้จริง
1. การกลับหัวปัญหา
วิธีแก้ปัญหาวิธีแรก คือ การกลับหัวปัญหา หรือ Reverse Thinking เป็นวิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากในสภาวะปกติ สมองของมนุษย์จะคุ้นชินกับการ “คิดให้ถูกต้อง” ซึ่งเป็นการมองโลกตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่เกิดการสร้างสรรค์หรือพลิกแพลง Solution ให้เกิดความแปลกใหม่อะไร แต่การกลับหัวปัญหา จะบังคับให้เรามองปัญหาในมุมตรงกันข้ามและส่งเสริมการคิดนอกกรอบ เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยให้เราหลุดออกจากเซฟโซนเดิม ๆ กระตุ้นศักยภาพในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และพยายามหา “ช่องว่าง” ที่เป็นคำตอบท่ามกลางความมืดมิดของอุปสรรคที่เกิดขึ้น
วิธีแก้ปัญหาในองค์กรอย่างการกลับหัวปัญหาเป็นการตั้งคำถามที่ “ตรงข้าม” กับสามัญสำนึกหรือสิ่งที่ควรปฏิบัติ เช่น แทนที่จะตั้งคำถามว่า “จะทำอย่างไรให้สมาชิกภายในทีมส่งงานตรงเวลา?” ให้เปลี่ยนมาตั้งคำถามว่า “ทำอย่างไรสมาชิกภายในทีมจะส่งงานช้ากว่าเดิม?”
แน่นอนว่าคำตอบของคำถามนั้นมีหลากหลายเต็มไปหมด ตั้งแต่ไม่มีการกำหนดเดดไลน์ ไม่มีการติดตามงาน ไม่วางแผนการทำงานล่วงหน้า ไปจนถึงไม่ให้ฟีดแบ็ก เมื่อได้ค้นหาคำตอบจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ขั้นตอนต่อไป เราจะนำคำตอบเหล่านั้นมากลับหัวเป็นวิธีแก้ไขปัญหา เช่น กำหนดเดดไลน์การส่งให้ชัดเจนทั้งวันและเวลาโดยสมาชิกภายในทีมทุกคนต้องรับทราบทั่วกัน ติดตามความคืบหน้าของการทำงานและให้ฟีดแบ็กอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ก่อนเริ่มทำงาน ระหว่างทำงาน และหลังทำงาน หรือประชุมเพื่อวาง Roadmap ในการทำงานร่วมกันเพื่อให้สมาชิกภายในทีมทุกคนรับรู้เป้าหมายและมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
2. การมองปัญหาเป็น “เกม” ที่ต้องเอาชนะ
วิธีแก้ปัญหาวิธีที่สอง คือ การมองปัญหาเป็น “เกม” ที่ต้องเอาชนะ หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาสุดเจ๋งที่สุดยอดผู้นำเลือกใช้เพื่อกระตุ้นสมาชิกภายในทีมให้รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา!
เมื่อมองปัญหาเป็น “อุปสรรค” เรามักจะรู้สึกเครียด กดดัน และกลัวความล้มเหลวในอนาคต แต่หากเรามองปัญหาเป็น “เกม” ที่มีกติกา เป้าหมาย และรางวัล จะทำให้เรารู้สึกอยากเล่น อยากลอง และพร้อมรับความท้าทายอย่างไม่มีขีดจำกัด เช่น “Challenge 7 วัน! ทีมใครได้คำชมจากลูกค้ามากที่สุด รับรางวัลไปเลย” การตั้งโจทย์แบบนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาลูกค้าไม่พึงพอใจในการบริการของพนักงาน เพราะพนักงานภายในองค์กรจะกระตือรือร้นในการหาวิธีดูแลลูกค้าให้ดีมากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องดุด่าให้เกิดความขัดแย้ง
นอกจากนี้ การมองปัญหาเป็นเกม จะช่วยลดการต่อต้านภายในจิตใจของสมาชิกภายในทีม เพราะจะสร้างความรู้สึกของการเป็นผู้เล่นและเป็นส่วนหนึ่งของเกม รู้สึกมีส่วนร่วมมากกว่าคอยรับคำสั่งของหัวหน้า รวมถึงรู้สึกว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เป็นโอกาสในการแสดงความสามารถของตัวเองอีกด้วย
3. เปิดโอกาสพนักงานมี “พื้นที่ทดลอง” โดยไม่กลัวความผิดพลาด
ถ้าพนักงานภายในองค์กรของคุณกลัวความผิดพลาด คุณจะไม่มีวันได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริง ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาวิธีที่สาม คือ เปิดโอกาสพนักงานมี “พื้นที่ทดลอง” โดยไม่กลัวความผิดพลาด
หนึ่งในอุปสรรคของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโซลูชันขององค์กร คือ “ความกลัว” ไม่ว่าจะเป็นการกลัวถูกตำหนิ กลัวไอเดียของตัวเองไม่ถูกเลือก หรือกลัวความล้มเหลวจะส่งผลต่อความมั่นคงของหน้าที่การงาน ผู้นำที่ดีจึงต้องรับบทบาทหน้าที่ในการสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ให้มีโอกาสลองถูกลองผิดและเรียนรู้จากโอกาสตรงนี้อย่างมีคุณภาพ
วิธีการแก้ปัญหาวิธีนี้ เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่จะทำให้สมาชิกภายในทีมเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่แสนยิ่งใหญ่ ทำให้พนักงานกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก รวมถึงลดการพึ่งพาผู้นำในการตัดสินใจเรื่องที่ไม่ซับซ้อน
4. เปลี่ยน “ปัญหา” เป็น “คำถาม”
วิธีแก้ปัญหาวิธีสุดท้าย คือ การเปลี่ยน “ปัญหา” เป็น “คำถาม” เนื่องจากบางครั้งหากจะคิดโซลูชันเพื่อแก้ปัญหาในทันทีอาจจะเป็นสิ่งที่ยากเกินไป แถมมองไปทางไหนก็มืดแปดด้าน ซึ่งวิธีแก้ปัญหาของผู้นำที่ดี คือ “การตั้งคำถาม” เพราะหลาย ๆ ครั้ง สิ่งที่เราคิดว่าเป็นสาเหตุของปัญหา จริง ๆ แล้วเป็นเพียงอาการของปัญหาเท่านั้น
โดยเทคนิคในการตั้งคำถามให้มองเห็นปัญหา คือ เปลี่ยนจากการตั้งคำถามถึง “ผลลัพธ์” เป็น “ต้นเหตุ” เช่น จากการตั้งคำถามว่า “ทำไมยอดขายลด?” เป็น “อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าเปลี่ยนไป?” รวมถึงการรับฟีดแบ็กจากผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ นอกจากมุมมองของตัวเองเพียงคนเดียวว่า “หากเขาเป็นผู้บริโภค เขาจะต้องการอะไรจากการแก้ปัญหาในครั้งนี้?”
4 วิธีแก้ปัญหาในองค์กรที่เจาะลึกกันในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเคล็ดลับการทำงานเท่านั้น แต่เป็น “กรอบความคิดพื้นฐาน” (Mindset) ที่จะเปลี่ยนแปลงสัญชาตญาณในการรับมือจากการวิ่งหนีปัญหาให้กลายเป็นความกล้าในการเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างไม่เกรงกลัวด้วยสมองที่คิดวิเคราะห์ความน่าจะเป็นได้อย่างแม่นยำและหัวใจที่เข้าใจถึงความต้องการของมนุษย์ เพราะสุดท้ายแล้ว ปัญไม่ใช่ศัตรูขององค์กร แต่เป็น “โอกาส” ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในวิกฤตและกำลังรอใครสักคนกล้านำมันออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อ้างอิงจาก
แก้ปัญหาในองค์กรก่อนจะสาย ทำอย่างไรไม่ให้พนักงานดี ๆ ต้องโบกมือลา?, ooca
หลักสูตรแนะนำ

Design Thinking for Creating Innovation
ในยุคที่เทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ การนำทักษะการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) มาประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ และใช้ในการแก้ไขปัญหาและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างคล่องตัว ผ่านการคิด และออกแบบนวัตกรรมใหม่ ๆ
คอร์สนี้เหมาะกับ
'Design Thinking for Creating Innovation' เหมาะสำหรับบุคลากรในระดับผู้จัดการ และผู้บริหารที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดเชิงออกแบบอย่างสร้างสรรค์
สิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับ
- ได้รับมุมมองที่หลากหลาย - เริ่มจากความเข้าใจกระบวนการคิด ทำให้เกิดขึ้นได้จริง ประยุกต์ใช้เป็น เเละนำไปใช้กับทีมทำงานได้ เข้าใจลักษณะของแต่ละขั้นตอนที่แตกต่างกัน ที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทขององค์กรหรือของการทำงานที่แตกต่างกันได้
- ได้รับทักษะขั้นสูงของกระบวนการคิดเชิงออกแบบ - เพื่อทำให้ผู้เรียนมีทางเลือกในการหยิบทักษะแต่ละตัวไปใช้ และทำให้ผู้เรียนสามารถออกแบบวิธีการแก้ปัญหาได้ เมื่อเจอเคสในการสร้างนวัตกรรมจริงในองค์กร ที่ละเอียดและซับซ้อน พร้อมทั้งสามารถนำทักษะขั้นสูงไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มองภาพรวมที่ใหญ่กว่า - วิธีการการแก้ปัญหาที่ดี นอกจากจะต้องตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับมนุษย์ได้ ยังต้องสามารถต่อยอดเพื่อทำให้มันสามารถสร้างได้จริง และสามารถยั่งยืน (Sustain) ในมุมของธุรกิจได้ เพื่อทำให้ไอเดียหรือกระบวนการคิดที่ได้จากกระบวนการนี้ สามารถต่อยอดไปเป็นนวัตกรรมจริงในองค์กร
รายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม > คลิกที่นี่
ติดต่อปรึกษา BASE Playhouse ฟรี! โทร 094-191-4626 หรือกรอกข้อมูลเพื่อติดต่อกลับ ที่นี่